เอมี่ หยาง สร้างประวัติศาตร์คนแรกแชมป์สามสมัย ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์, โมรียาที่ 10 ร่วมดีที่สุดโปรไทย

เอมี่ หยาง สร้างประวัติศาตร์คนแรกแชมป์สามสมัย ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์, โมรียาที่ 10 ร่วมดีที่สุดโปรไทย
Sunday, 24 February 2019 - 18:00:00

เอมี่ หยาง สร้างประวัติศาตร์คนแรกแชมป์สามสมัย ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์, โมรียาที่ 10 ร่วมดีที่สุดโปรไทย

(พัทยา, 24 กุมภาพันธ์ 2562): ศึกกอล์ฟฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2019 วันสุดท้ายแฟนกอล์ฟมาเชียร์กันแน่นสนาม เอมี่ หยาง แชมป์สองสมัยจากเกาหลีใต้ผู้นำร่วมจากรอบสาม ฟอร์มวันสุดท้ายยังคงแข็งแกร่งทำเพิ่ม 7 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ 266 ชนะ ลี มินจี โปรออสเตรเลีย มือ 7 ของโลกที่พลาดทำอีเกิ้ลหลุมสุดท้ายไปเพียงแค่ 1 สโตรก พร้อมทำสถิติกลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์รายการฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 3 สมัย ต่อจากปี 2015 และ ปี 2017 รับเงินรางวัล240 ,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 7.6 ล้านบาท ด้าน "โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล เป็นโปรสาวไทยผลงานดีที่สุดจบอันดับ 10 ร่วม โดยวันสุดท้ายทำเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม11 อันเดอร์พาร์ 277 ส่วน "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล มือ1ของโลก สกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 278 จบอันดับ14 ส่วนคาร์โลต้า ซิกานด้า โปรสาวสเปน วันสุดท้ายกดไป 9 อันเดอร์พาร์ 63 ผลงานดีที่สุดในวันสุดท้าย สกอร์รวม 20 อันเดอร์พาร์ 268 ได้อันดับ 3

กอล์ฟอาชีพสตรีรายการฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2019 ชิงเงินรางวัลรวม 1,600,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 53 ล้านบาท พร้อมด้วยรางวัลพิเศษให้กับนักกอล์ฟที่ทำโฮล อิน วัน ในหลุม 16 รับ รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO รุ่น TURBO RS มูลค่า 1,219,000 บาท โดยมีนักกอล์ฟระดับโลกรวม 70 คน เข้าร่วมดวลวงสวิงรวมถึงนักกอล์ฟหญิงในอันดับท็อป 10 ของโลก และ 8 นักกอล์ฟหญิงชาวไทย โดยไม่มีการตัดตัว ณ สยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส ระยะ 6,576 หลา พาร์72 จังหวัดชลบุรี

การแข่งขันวันสุดท้ายอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 บรรยากาศที่สนาม สยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส สุดคึกคักตั้งแต่เช้าเนื่องจากมีแฟนกอล์ฟทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาชมการแข่งขันกันแน่นสนาม อย่างไรก็ตามช่วงบ่าย มีประจุไฟฟ้าในสนามทำให้กรรมการประกาศยุติการแข่งขันชั่วคราวเวลา เวลา 13.10 น. ก่อนจะมีการกลับมาแข่งขันอีกครั้งในเวลา 14.17 น.

ด้านตำแหน่งแชมป์ลุ้นกันสนุกทีเดียว จนกระทั่งถึงหลุมสุดท้าย โดยเอมี่ หยาง โปรสาววัย 29 ปี เจ้าของแชมป์สองสมัยจากเกาหลีใต้ พัตต์เบอร์ดี้ที่หลุม 18 ปิดท้ายสวยงาม ก่อนจบรอบสุดท้าย ทำ 9 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ จบวันเก็บเพิ่ม 7 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ 266 คว้าแชมป์ไปครองโดยเอาชนะ ลี มินจี ไปเพียง 1 สโตรกเท่านั้น เอมี่ เท่าสถิติสกอร์รวมดีที่สุดเทียบเท่าของตัวเธอเองที่ทำได้ในรายการนี้ปี 2017 นอกจากนี้ ทำให้โปรมือ 29 ของโลกสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่คว้าแชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 3 สมัย ต่อจากปี 2015 และ 2017 หลังจากร่วมแข่งขันทั้งสิ้น10ครั้ง รวมทั้งเป็นแชมป์แอลพีจีเอ รายการที่ 4 รับเงินรางวัล 240 ,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 7.6 ล้านบาท

โปรสาวเจ้าของแชมป์ฮอนด้าแอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2019 เผยว่า "ดีใจที่ได้แชมป์อีกครั้งซึ่งป็นแชมป์ในปีเลขคี่ 2015, 2017 และ 2019 และจริงๆแล้วช่วงสี่หลุมสุดท้ายมีโอกาสคว้าแชมป์กันหลายคนทำสกอร์คู่คี่กันมาจึงเล่นกันสนุกมาก จุดเปลี่ยนอยู่ที่หลุม 16 ได้พัตต์ระยะ 5 ฟุต จากนั้น หลุม 17 ถึง 18 ยังได้ดี สัปดาห์นี้พัตต์ดี ตีช็อตดี โดยรวมทุกดีทำให้ได้แชมป์ ขอบคุณทุกฝ่ายสนับสนุนรวมทั้งสปอนเซอร์ต่างๆที่จัดการแข่งขันรายการนี้"

ขณะที่ ลี มินจี โปรมือ 7 ของโลกจากออสเตรเลีย ซึ่งมีโอกาสลุ้นเพลย์ออฟเมื่อได้พัตต์อีเกิ้ลในหลุมสุดท้าย แต่ปรากฎว่า เธอพัตต์ไปจ่อปากหลุมนิดเดียว ทำให้โปรสาววัย 22 ปี จบรอบสุดท้ายเก็บเพิ่ม 6 อันเดอร์พาร์ 66 สกอร์รวม 21 อันเดอร์พาร์ 267 คว้ารองแชมป์ไปครอง ถือเป็นการจบอันดับดีที่สุดในการลงเล่นรายการนี้ 4 หน ลี มินจี รับเงินรางวัล 148,877 เหรียญสหรัฐฯ

ด้าน คาร์โลตา ซิกานด้า จอมตีไกลจากสเปนวัย 28 ปี มือ16 ของโลก วันสุดท้ายเธอระเบิดวงสวิง ทำ 2 อีเกิ้ลที่หลุม 1 และ 15 จากนั้น เก็บอีก 5 เบอร์ดี้ โดยไม่เสียโบกี้ตลอดวัน จบวันเก็บเพิ่มถึง 9 อันเดอร์พาร์ 63 ทำสถิติสกอร์ดีที่สุดในรอบสุดท้ยเท่ากับ ไอ มิยาซาโตะ แชมป์ปี 2010 ที่สนามแห่งนี้ โปรสาวสเปนสกอร์รวมสี่วัน 20 อันเดอร์พาร์ 268 จบอันดับ3

ส่วน"โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล มือ 1 ของโลก ที่หลังจบรอบสามสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ เช่นเดียวกับพี่สาว "โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล มือ18ของโลก ทั้งคู่ได้ออกรอบก๊วนเดียวกันเป็นหนที่สองในการลงเล่นที่ประเทศไทย และมีแคทเธอรีน เคิร์ก จากออสเตรเลีย ร่วมก๊วนด้วยด้วย

ในวันสุดท้าย โมรียา รองแชมป์ร่วมปี 2018 เป็นหนึ่งในนักกอล์ฟสาวไทยที่ทำสกอร์ดีที่สุดในรอบสี่ ร่วมกับ "โปรสายป่าน" ปัณณรัตน์ ธนพลบุญรัศมิ์ ทำ 3 เบอร์ดี้ที่หลุม 1, 2 และ 9 โดยไม่เสียโบกี้ตลอดวัน จบวันทำสกอร์เพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวมของ"โปรโม" สี่วัน 11 อันเดอร์พาร์ 277 จบอันดับ 10 ร่วมกับ คริสตี้ เคอร์ จากสหรัฐฯ,หลิว อวี้ จากจีน และ ออสติน แอร์นส์ท จากสหรัฐฯ รับเงินรางวัลคนละ 29,866 เหรียญสหรัฐฯ

เจ้าของแชมป์ฮูเจล เจทีบีซี แอลเอ โอเพ่น 2018 วัย24 ปี กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า "วันสุดท้ายเล่นด้วยความสนุก ตีไปทุกที่ยกเว้นแฟร์เวย์ของตัวเองแต่ พยายามกระตุ้นตัวเองตลอด ปีนี้ถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ค่อนข้างดี คิดว่าค่อยๆ ปรับไปเรื่อยๆทุกอย่างน่าจะเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น

ด้าน "โปรเม" เจ้าของแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ 10 รายการ วัย 23 ปี ทำสี่เบอร์ดี้ที่ หลุม 1, 15, 17 และ 18 โดยเสียสองโบกี้ที่หลุม 11 และ 14 จบวันเก็บเพิ่ม 2 อันเดอร์พาร์ 70 สกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 278 จบอันดับ 14 รับเงินรางวัล 25,236เหรียญสหรัฐฯ

เอรียา ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า "จริงๆผลงานปีนี้สองแมตช์แรกยังไม่ค่อยดี พอมาแมตช์นี้แอบกังวลเพราะแข่งที่เมืองไทยอยากเล่นให้ดีและตั้งใจมาก แต่ด้วยความที่ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ในสองแมตช์แรก แต่พอแมตช์นี้ก็รู้สึกดีขึ้นไม่กดดัน และเชื่อว่าถ้าพยายามไปเรื่อยๆเชื่อว่าทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น และอยากขอบคุณแฟนกอล์ฟทุกคนที่มาเชียร์ให้กำลังใจให้เมกับโมค่ะ"

"โปรสายป่าน" ปัณณรัตน์ ธนพลบุญรัศมิ์ รอบสุดท้ายทำ 5 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้จบวันเก็บเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 283 จบอันดับ29 ร่วม

โปรสาววัย 21 ปี ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า "วันนี้เล่นตามแผนทุกอย่างไดร์ฟเวอร์ดีขึ้นและพัตต์ดีขึ้น ผลงานโดยรวมสี่วันรู้สึกผลงานของตัวเองพัฒนาขึ้นเยอะ สนามนี้เป็นสนามที่ตีอันเดอร์ได้มากสุดรู้สึกดีใจที่เก็บอันเดอร์ได้มากที่นี่ ขอบคุณฮอนด้า และ ไอเอ็มจี ที่เชิญเข้ามาเล่นในรายการนี้ที่อยากเล่นมากที่สุดในรายการและหวังว่าปีนี้จะได้โอกาสลงเล่นรายการนี้อีกค่ะ"

"โปรแหวน" พรอนงค์ เพชรล้ำ วัย 29 ปี วันสุดท้ายทำสองเบอร์ดี้ เสียสองโบกี้ จบวันสกอร์ อีเวนพาร์ 72 สกอร์รวม 2 อันเดอร์พาร์ 286 จบอันดับ 48 ร่วม

โปรจากจังหวัดชัยภูมิกล่าวว่า "ดีใจที่ได้กลับมาเล่น เป็นสนามที่ท้ายมาก รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเล่นได้รับการต้อนรับที่ดีจากทุกคน รู้สึกอบอุ่นมาก รายการนี้ทำให้คนไทยได้มาเล่นสนามระดับโลกทำให้พวกเราได้พัฒนาฝีมือกันต่อไป ขอขอบคุณฮอนด้าที่จัดทัวร์นาเมนท์ดีๆ แบบนี้ขึ้นมาค่ะ"

"น้องจีน" อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟวัย 16 ปี วันสุดท้ายตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม อีเวนพาร์ จบอันดับ 54 ร่วมกับ "โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ วัย 19 ปี ที่วันสุดท้ายเก็บเพิ่ม 1 อันเดอร์พาร์

นักกอล์ฟเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 2017 ให้สัมภาษณ์ว่า "วันสุดท้ายเล่นได้ไม่ค่อยดี ผลงานอาจไม่ดีตามที่คาดหวัง แต่สัปดาห์นี้ทำให้หนูได้ประสบการณ์ไปเยอะ ได้แรงบันดาลใจฝึกซ้อม ฝึกพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิม ต้องขอขอบคุณฮอนด้า และ ไอเอ็มจี ขอบคุณที่เชื่อมั่นใจฝีมือจีนทำให้จีนได้เข้ามาเล่นในรายการนี้ค่ะ"

ด้าน"โปรเมียว" วัย 19 ปี กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า"วันนี้เล่นดีกว่าทุกๆวัน ภาพรวมทัวร์นาเมนท์ถือว่าเล่นได้ตามที่วางแผนไว้ ถ้าย้อนกลับไปวันแรกได้อยากทำให้ดีกว่านี้ ขอบคุณฮอนด้า ที่ได้ให้โอกาสมาเล่นรายการนี้เป็นรายการแรกในแอลพีจีเอ ทัวร์ ส่วนเป้าหมายในการเล่นแอลพีจีเอ ทัวร์ ในฐานะรุกกี้คือตั้งใจทำผลงานให้ดีค่ะ"

"โปรจูเนียร์" ธิฎาภา สุวัณณะปุระ วัย 26 ปีเจ้าของแชมป์มาราธอน คลาสสิค 2018 วันสุดท้ายทำได้แค่ 1 เบอร์ดี้ที่หลุม 4 โดยเสีย ดับเบิ้ลโบกี้ และ 6 โบกี้ ทำให้จบวันสุดท้าย เกิน 7 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวมจบ5 โอเวอร์พาร์ 293 ได้อันดับที่ 62

"โปรกิ๊ฟท์" เบญญาภา นิภัทร์โสภณ ที่เข้ามาแข่งขันในฐานะนักกอล์ฟผู้ชนะจาก National Qualifiers วันสุดท้าย ตีเกิน 3 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 9 โอเวอร์พาร์ จบอันดับ 6

Comments